วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดี, กันยายน 10, 2009 คนเกินร้อย หัวใจก็เกินร้อย (เรื่องสั้น เรื่องจริง)

วันพฤหัสบดี, กันยายน 10, 2009

คนเกินร้อย หัวใจก็เกินร้อย (เรื่องสั้น เรื่องจริง)

1.จากเรื่องสั้นเรื่องจริง คนเกินร้อย หัวใจเกินร้อย เขาใช้หลักบริหารความเสี่ยงหรือไม่ อย่างไร

- จากเรื่องสั้นเรื่องจริง คนเกินร้อย หัวใจเกินร้อยเข้าใช้หลักการบริหารความเสี่ยงคือ เขามีการระบุความเสี่ยง ที่จะส่งผลต่อการอาชีพของเขาคือ กาขับรถแท็กซี่ กล่าวคือ มี การระบุเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่ออาชีพขับรดแท็กซี่ นั่นคือสภาวะเศรษฐกิจ เดี๋ยวนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี เพราะผู้โดยสารต่างประเทศน้อยลง ซึ่งโดยปกติเขาจะประจำที่โรงแรมเอเชีย แต่ก่อนก็ได้เหมาไปต่างจังหวัดพัทยา ตลาดน้ำ หรือที่อื่นๆ บ้าง ซึ่งการไปแบบนั้นสบายเนื่องจากไม่ต้องมาทุกข์ร้อนทุกข์ใจว่าวันนี้จะได้ผู้โดยสารหรือไม่ เหมาไปกลับ หรือเหมาไปอย่างเดียวก็เพียงพอสำหรับค่าเช่ารถและค่าใช้จ่ายประจำวัน แต่ปัจจุบันสภาวะเปลี่ยนไป สมัยนี้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปมาก สภาพแวดล้อมไม่ดี การขายยาบ้า ยาเสพติดมากขึ้น

การระบุความเสี่ยงด้านเครดิตและการจัดการกับความเสี่ยง จะเห็นจากที่เขาบอกให้ระมัดระวังเรื่องคอมพิวเตอร์ Notebook เวลาลงจากแท็กซื่อาจจะลืม เขาก็บอกว่าครั้งต่อไปควรจะใช้กระเป๋าขนาดเล็กๆ แล้วสะพายเอาเพื่อจะได้ไม่ลืม ถ้าลืมแล้วบางครั้งแท็กซี่ก็ไม่ทราบมีผู้โดยสารขึ้นมานั่งต่ออาจจะหยิบเอาไปต่อ จะมาโทษแท็กซี่ ซึ่งมันทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการราก็รู้สึกว่า คนขับคนนี้เป็นคนดี ใส่ใจในความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ อีกอย่างการกระทำเช่นนี้ยังเป็นการสร้างเครดิตให้กับคนขับแท็กซี่ และยังเป็นการหาวิธีที่เหมาะสมสำหรับบริหารจัดการความเสี่ยงแต่ละประเภทให้มีผลกระทบลดลง เช่น กรณีที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และกรณีที่เขา เคยติดเหล้า เงินหามาได้ก็กินเหล้า ขับรถได้เงินก็กินเหล้า เป็นอยู่นานหลายปี จนในทีสุดคิดได้เพราะภรรยายื่นคำขาดให้ และเขาก็ผ่านจุดนั้นมาได้ วิธีการของเขา คือ เวลาช่วงบ่ายจะกระวนกระวายอยากกินเหล้ารู้สึกไม่สดชื่น เขาก็ใช้วิธีกินข้าวแทนให้อิ่มๆ หลังจากนั้น เพื่อนๆ ชวนกินเหล้าร่างกายก็สามารถปรับได้ว่าไม่อยากจะกิน และใจเขาก็รู้สึกว่าไม่อยากจะกินเหล้าแล้ว หมดเพราะมันมามากพอแล้ว สุดท้ายเขาเลิกได้ ชีวิตเขาก็ดีขึ้น เรียกได้ว่าเขาเป็นคนที่มีการจัดการความเสี่ยงได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว นี่ซิ คนเกินร้อย หัวใจเกินร้อยตัวจริง

2. เขาใช้หลักในการหาลูกค้าตามเป้าหมายหรือไม่อย่างไร

- “โดยปกติเขาจะประจำที่โรงแรมเอเชีย แต่ก่อนก็ได้เหมาไปต่างจังหวัดพัทยา ตลาดน้ำ หรือที่อื่นๆ บ้าง ซึ่งการไปแบบนั้นสบายเนื่องจากไม่ต้องมาทุกข์ร้อนทุกข์ใจว่าวันนี้จะได้ผู้โดยสารหรือไม่ เหมาไปกลับ หรือเหมาไปอย่างเดียวก็เพียงพอสำหรับค่าเช่ารถและค่าใช้จ่ายประจำวัน แต่ปัจจุบันสภาวะเปลี่ยนไปชีวิตตอนนี้ แต่ละวันก็วิ่งตั้งแต่บ่ายถึงเย็นก็ได้เงินพอสมควร วิ่งช่วงกลางคืนก็ได้เงินพอสมควร

จะเห็นว่าเขาประจำที่โรงแรมเอเชีย มีลูกค้า ชาวต่างชาติเหมาไปบ้าง ซึ่งก็ดีไม่ต้องมากังวลว่าวันนี้จะมีผู้โดยสารขึ้นรถเราหรือไม่ เพราะแค่มีคนเหมาไปก็อย่างเดียวก็เพียงพอกับค่าใช้จ่ายประจำวันแล้ว ซึ่งเขาไม่มีการวางเป้าหมายว่าวันนี้จะต้องได้ลูกค้ากี่คน ได้เงินเท่านี้เท่านี้นะ เพียงแต่วันวันหนึ่งเขาวิ่งรถเป็นสองช่วงคือ วิ่งตั้งแต่บ่ายถึงเย็น และวิ่งช่วงกลางคืน ซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรมารับประกันได้แน่นอนว่า มันจะพอสำหรับค่าเช่ารถและค่าใช้จ่ายประจำวันของเขาหรือไม่ วันไหนมีคนเหมาก็ดีไปแต่วันไหนไม่มีก็ต้องวิ่งรถหาลูกค้าเรื่อยๆ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่มีอะไรแน่นอน

3.ข้อเสนอแนะในการบริหารความเสี่ยง

- ในการบริหารความเสี่ยงนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ การระบุความเสี่ยง การจัดการความเสี่ยง การลด/ควบคุมความเสี่ยง หากมีการสื่อสารแก่บุคลากร(ที่เกี่ยวข้อง)ทุกคนให้ได้รับรู้และเข้าใจอย่างทั่วถึง เพื่อช่วยให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เมื่อมีการจัดการที่ดี จะสร้างความเชื่อมั่นและความประทับใจในการมาใช้บริการอีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

"ผุ้ประกอบการด้าน IT ควรจะต้องพิจารณาหรือต้องทำอะไรบ้าง?"

การจะเป็นผู้ประกอบการด้าน IT สิ่งที่ควรพิจารณาหรือต้องทำ จะขอยกมาเป็นข้อๆดังนี้

1. ผู้ที่จะเป็นผุ้ประกอบการด้าน IT นั้น ต้องเป็นนักอ่าน รักการอ่าน ต้องศึกษาหาความรู้อยู่เป็นประจำ มีความใฝ่รู้ในสิ่งใหม่ ในเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ๆ (ฝึกให้เป็นนิสัยได้) ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในสายงานของตน ในหน่วยงานของตน หรือแม้กระทั่งความรู้ภายนอกระบบงาน ต้องศึกษาติดตามความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและด้านสารสนเทศตลอดเวลา ไม่ว่าจะได้รับจากสื่อประเภทใดๆ ต้องทันต่อโลกและเหตุการณ์อยู่เสมอ ทั้งนี้เพื่อที่จะต้องนำเอาความรู้ที่ได้มานั้น มาศึกษาวิเคราะห์ คัดเลือก คัดสรร ในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับงานในองค์กรของตน นำมาพัฒนางานพัฒนาบุคลากรในหน่วยงานหรือในองค์กรของตนให้มีความรู้ความสามารถขึ้นมา จะต้องมีความรู้ด้านไอทีมากกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในแผนกไอที ต้องติดตามระบบความปลอดภัย ต้องนำเสนอความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ข้อดีข้อเสีย เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเพื่อการบริหารงาน ประเมินงบประมาณที่ต้องใช้ กำหนดทิศทางและนโยบายด้านไอทีในระยะต่อไป หรือจะต้องมีการปรับ/เปลี่ยนกลยุทธ์ทันทีทันใด เพื่อให้ปลอดภัยในการดำเนินงานทางธุรกิจ เป็นต้น
2. เนื่องจากในองค์กรนั้นมีบุคลากรหลายระดับ ต่างวัย ต่างความคิด มีความจำเป็นที่จะต้องมีการประสานงานกัน ดังนั้นจะต้องเป็นผู้ที่รู้จักการแบ่งปันความรู้ในการนำไปใช้ ไม่หวงวิชา จะต้องอดทนต่อผู้ไม่รู้ อดกลั้นต่อผู้ที่คอยกลั่นแกล้ง อีกทั้งจะต้องเป็นผู้ที่เสียสละอย่างมาก เพราะต้องใช้เวลาทำงานมากกว่าคนทำงานอื่นๆ ไม่ต่ำกว่าวันละ 4 ช.ม. บางเดือนต้องทำงานสัปดาห์ละ 7 วัน
3. ต้องเป็นผู้ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ในการทำงานให้กับกลุ่มคนที่ต้องการได้ จะต้องหาให้ได้ว่าทำอย่างไรจะให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในองค์กร จะต้องมีการพัฒนาปรับปรุงระบบการเรียนการสอนและการฝึกอบรมให้ทันสมัย เข้าใจง่าย ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนางานของตนเองได้จริง มีการประเมินคุณภาพการสอนการฝึกอบรม กับผลที่ได้รับหลังการอบรมผ่านไปแล้ว นอกจากนี้ยังต้องจัดทำโครงการเป็น คำนวณงบประมาณ จัดสรรการใช้เวลาและวิเคราะห์ความคุ้มค่าได้ สิ่งสำคัญมากๆ คือ ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรให้สามารถสร้างข้อมูลสารสนเทศต่างๆ ในงานของตนให้เข้าสู่ระบบได้เอง นี่เป็นสิ่งสำคัญ เรื่องของเทคโนโลยี เราอาจไม่เป็นรองใครมากนัก แต่เรื่องข้อมูลสารสนเทศนั้น เราเป็นรองอยู่มากเหลือเกิน เจ้าตัวข้อมูลสารสนเทศนี่ล่ะ ที่เป็นตัวผลิตผลที่สำคัญของระบบ เอาไปใช้หากินทำเงินได้มากมายมหาศาล ต้องทำให้ทุกคนหันหน้ามาช่วยกัน
4. จะต้องมีการให้แนวความคิดแก่บุคลากร ชี้นำให้เห็นถึงประโยชน์ คุณค่าและความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ให้กรอบความคิด วิธีการ ตลอดจนการแนะแนวให้ทราบเป็นกรณีๆ ไป ต้องอย่าลืมว่าผุ้ประกอบการไอทีจะต้องเป็นตัวผลักดันให้บุคลากรทุกๆ คนในองค์กร สามารถนำเทคโนโลยีไปปรับใช้ในงานของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ มีพัฒนาการทางด้านความคิดอย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์กลั่นกรองสถานการณ์ออกได้อย่างมีวิสัยทัศน์ มีกรอบการทำงาน มีจิตสำนึกและอุดมการณ์ เมื่อเราช่วยกันผลักดันให้มีพัฒนาการ วันที่องค์กรเราแข็งแกร่งขึ้นทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ก็จะหมายถึงเราได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประเทศชาติได้ทางหนึ่ง
ที่กล่าวมาทั้ง 5 ข้อนั้น คงไม่ใช่ทั้งหมดที่ผู้ประกอบด้าน IT จะต้องทำ หากจะต้องมีการพิจารณาอีกหลายๆด้าน แต่เชื่อว่าเป้าหมายและอุดมการณ์คงไม่ต่างกันมากนัก
สุดท้าย ดิฉันกำลังจะบอกว่า คนเราทุกคนไม่ว่าจะ สูง ต่ำ ดำ ขาว มีโอกาสจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยกันทั้งนั้น เพราะธุรกิจไม่ได้เริ่มจากเงินแต่ความคิดต่างหากเล่าที่สำคัญ ต้องมีความฉลาด ขยัน มุมานะ และทำงานหนัก เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสร้างความเชื่อถือให้กับองค์กรที่ประกอบการ และหากจะกล่าวถึงการเป็นผู้ประกอบการด้าน IT ด้วยแล้วนั้น จำเป็นต้องฝึกหัด ให้เป็นคนรักการอ่าน ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา เพราะโลกปัจจุบันนี้เทคโนโลยีได้ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็วมาก มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราจึงจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปให้ได้ เมื่อเราทำไดช่นนี้จะไปกลัวอะไรเล่า กับการเป็นผู้ประกอบการ IT ด้วยตัวเองสักครั้ง (ลองดูซักตั้ง) ดิฉันเชื่อว่าทุกคนทำได้ แล้วคุณล่ะจะไม่ลองเชื่อตัวคุณเองหรอ....